สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

๙๙ คติธรรมนำสุข

๙๙ คติธรรมนำสุข

                                              

                                                ๙๙ คติธรรมนำสุข

 

                 ๑.  จงทำดี อย่าหวังสิ่งตอบแทน ถึงแม้จะเป็นเพียงคำสรรเสริญก็ตาม

                 ๒.  จงทำดี ให้มันดี ถึงแม้ผลงานออกมาไม่ดี ก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว 

                 ๓.  จงทำดีแต่อย่าอวดดี เพราะทุกคนก็มีดีไม่เหมือนกัน

                 ๔.  อุปสรรคมักจะเกิดขึ้น ในขณะที่กำลังทำความดี เพราะเป็นทางใช้หนี้เก่าให้หมดไป

                 ๕.  อุปสรรคมักจะไม่เกิดขึ้น ในขณะกำลังทำความชั่ว เพราะเป็นทางกู้หนี้สินใหม่เข้ามาแทน

                 ๖.  ทุกๆคนปรารถนาแต่สิ่งที่ดี แต่ไม่รู้จักการทำความดี

                 ๗.  ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ อย่าพยายามแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

                 ๘.  คนโง่ ไม่มีความพยายามที่จะเข้าใจอะไรได้เลย ได้แต่เอะอะโวยวายว่า ...

                             "ทำไมถึงเป็นแบบนี้  ทำไมถึงต้องเป็นเรา  ทำไม ? ... ทำไม ? ...  ทำไม ? ..."  

                 ๙.  ผู้ฉลาดในธรรมยอมรับว่า  "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"

                              ซึ่งไม่มีอะไรน่าตกใจเลย เพราะเป็นเรื่องธรรมดา

                 ๑๐. ชีวิตที่ไม่ขาดทุน คือ ชีวิตที่ไม่เคยทำชั่วเลย

                 ๑๑. เพราะฉะนั้นคนเราเจอทั้งสุขและทุกข์ เพราะว่าทำทั้งดี ทำทั้งชั่ว

                 ๑๒. การตามใจตัวเองเสมอ เป็นทางตันในการดำเนินชีวิต

                 ๑๓. การขัดใจตัวเอง ก็คือการขัดเกลาหนทางให้ราบเรียบ

                 ๑๔. ถ้าหากเราอยากให้คนอื่นมาเข้าใจ หรือเอาใจในตัวเรา ก็เหมือนกับว่าเรายังเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่รู้จักเติบโตเลย

                 ๑๕. เมื่อใดที่เราพยายามจะเข้าใจคนอื่น มากกว่าที่จะให้คนอื่นมาเข้าใจเรา ตอนนั้นแหละ เรากำลังจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว

                 ๑๖. หลายๆชีวิต ที่เดินสวนทางกันไปมาอยู่ในขณะนี้ มีทางดำเนินชีวิตและอุปสรรคที่ไม่เหมือนกัน

                 ๑๗. เราอย่าเข้าใจว่ามีความทุกข์มากกว่าคนอื่น คนอื่นที่มีความทุกข์มากกว่าเราก็ยังมี

                 ๑๘. การร้องไห้ เป็นการเสแสร้งที่แนบเนียนเหลือเกินในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้เราอาจจะร้องเพลงก็ได้

                 ๑๙. เพราะฉะนั้น เวลาที่เรามีความทุกข์ก็อย่าเข้าใจว่าเรามีความทุกข์   เวลาเรามีความสุข ก็อย่าเข้าใจว่าเรามีความสุข 

                          ไม่เช่นนั้นเราต้องเป็นคนบ้า ร้องไห้บ้าง ร้องเพลงบ้าง ตามประสา

                 ๒๐. คนอื่นจะให้ได้ดั่งใจเราทุกอย่างนั้นไม่มีเลย เพียงแต่เรายอมรับเขาอยู่ในฐานะใด ฐานะหนึ่งเท่านั้น

                 ๒๑. แม้แต่ตัวของเราเองก็ยังไม่ได้ดั่งใจเรา แล้วคนอื่นจะให้ได้ดั่งใจเรานั้นเป็นไม่มี

                 ๒๒. เราไม่ได้ดั่งใจเขา จะให้เขาได้ดั่งใจเราอย่างไร

                 ๒๓. ปรารถนาสิ่งใด อย่าพึงดีใจไว้ล่วงหน้า พลาดหวังสิ่งใด อย่าพึงเสียใจตามหลัง

                 ๒๔. ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นเช่นนั้นเอง

                 ๒๕. หากยึดถือมาก ให้ความสำคัญมันมาก ก็ทุกข์มาก

                 ๒๖. หากยึดถือน้อย ให้ความสำคัญมันน้อย ก็ทุกข์น้อย

                 ๒๗. ยินดีไปตามความอยาก คือความมักมากไม่มีสิ้นสุด

                 ๒๘. แท้จริง ผัวไม่มี เมียไม่มี ลูกไม่มี ทรัพย์สมบัติก็ไม่มี แต่ความยึดมั่นด้วยความลุ่มหลงอย่างหนาแน่น ทำให้คิดว่าเรามี

                 ๒๙. สักวันหนึ่ง เราคงจะไม่มีอะไรสักอย่างเลย ถึงวันนั้น เราทำใจได้ไหม ?

                 ๓๐. การเกิดขึ้น ก็เพื่อเริ่มต้นไปสู่การดับลง ท่านจะยึดถือ หรือไม่ยึด นั่นเป็นเรื่องของท่าน

                 ๓๑. อุปทาน-ความยึดมั่นถือมั่น กับความรับผิดชอบ มันคนละอย่างกัน

                 ๓๒. วันนี้ต้องดีกว่าวานนี้ พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้

                 ๓๓. ทำดีในวันนี้ พรุ่งนี้จะดีของมันเอง

                 ๓๔. คนโง่จะเสียใจ ร้องไห้ตลอดวัน โดยไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

                 ๓๕. ส่วนคนฉลาด จะรีบแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เท่าที่จะทำได้

                 ๓๖. เรารักในสิ่งใด จะต้องจากในสิ่งนั้น ช้าหรือเร็วมันอีกเรื่องหนึ่ง

                 ๓๗. ถ้าผัวตายก่อนเมีย เมียจะต้องเสียใจ ถ้าเมียตายก่อนผัว ผัวจะต้องเสียใจ

                            ทำอย่างไร จึงจะไม่เสียใจ

                 ๓๘. ถ้าไม่อยากเสียใจเมื่อจากกันไป ก็อย่าได้ดีใจเมื่อตอนได้มา

                 ๓๙. ท่านแน่ใจหรือว่า ท่านเป็นพระเอกหรือนางเอกตลอดนิรันดรกาล

                            ใช่แน่นอน ! ท่านเป็นตัวเอกในเรื่องของท่าน แต่ท่านอาจจะเป็นตัวสำรองในเรื่องของผู้อื่น

                 ๔๐. ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง หากมีใครตำหนิและรู้แก่ใจว่าจริง

                 ๔๑. เรายืนอยู่บนสนามชีวิต ต้องต่อสู้อุปสรรคทุกรูปแบบ จนกว่าจะปิดฉากละครแห่งชีวิต ด้วยการตายลงไป

                 ๔๒. บทเรียนในตำราเรียนกับบทเรียนในชีวิตจริง มันคนละอย่างกัน

                 ๔๓. ไม่มีตำราเล่มไหนที่จะสอนเราทุกย่างก้าว ว่าวันนี้เราจะต้องเจออะไรบ้าง และจะต้องแก้อย่างไร

                 ๔๔. เสียเงินทอง เสียสิ่งของ เสียเวลา และเสียใจ เป็นการจ่ายค่าเทอมชีวิต

                 ๔๕. คนฉลาดจะจ่ายค่าเทอมที่ถูกที่สุด ส่วนคนโง่จะจ่ายค่าเทอมที่แพงกว่ากัน

                 ๔๖. ที่จริงคนตาบอด พิกลพิการ เขาน่าจะเป็นทุกข์ยิ่งกว่าเรา  ทำไม ? เขายังยิ้มแย้มแจ่มใสได้

                           ทำไม ? เราจึงทุกข์กว่าคนพิการเล่า       

                 ๔๗. ล้มเพราะก้าวไปข้างหน้า ดีกว่ายืนเต๊ะท่าอยู่กับที่

                 ๔๘. กายพิการแต่ใจไม่พิการ  ใจพิการแต่กายไม่พิการ  อย่างไหนดีกว่ากัน

                 ๔๙. เราสามารถตัดสินหนทางดำเนินชีวิตของเราเองได้  ดีหรือชั่ว  อยู่ที่ตัวเรา

                 ๕๐. คนอื่นสามารถบังคับเราได้เพียงบางเวลา ส่วนใจของเรานั้น ไม่มีใครสามารถบังคับได้ นอกจากตัวของเราเท่านั้น

                 ๕๑. ถึงแม้งานจะสับสนยุ่งยากเหลือเกิน หากใจมีอิสระแล้ว ไม่เห็นจะยุ่งยากตรงไหน

                 ๕๒.ทุกคนเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ ตายเพื่อทำหน้าที่ ดีกว่าตายเพราะไม่มีหน้าที่

                 ๕๓. รับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบเพื่อนที่ดี และรับผิดชอบสังคม

                 ๕๔. วันนี้เราด่าเขา วันหน้าเขาด่าเรา ชาตินี้เราฆ่าเขา ชาติหน้าเขาจะต้องฆ่าเราอย่างแน่นอน

                 ๕๕. คนทำบาปเพราะเห็นแก่กิน ไม่ต่างอะไรกับกินอาหารผสมยาพิษอย่างเอร็ดอร่อย กินมากก็มีพิษมาก กินน้อยก็มีพิษน้อย 

                 ๕๖. กฏหมายทางโลก คุ้มครองสัตว์บางจำพวกเท่านั้น ส่วนกฏแห่งกรรมทางธรรม คุ้มครองสัตว์ทุกจำพวก

                 ๕๗. กฏระเบียบของทางโลก อนุโลมไปตามความอยาก ส่วนกฏทางธรรม อนุโลมไปตามความเป็นจริง

                 ๕๘. กรรมคือการกระทำที่ส่งผลให้สัตว์หยาบและละเอียดปราณีตต่างกัน

                 ๕๙. ไม่มีพระเจ้าองค์ใดทีจะสร้างเรา ไม่มีพระเจ้าองค์ใดที่จะทำให้เราร่ำรวยได้

                           ไม่มีพระเจ้าองค์ใดที่จะทำให้เราเป็นผู้บริสุทธิ์ได้ นอกจากตัวของเราเอง

                 ๖๐. คำว่า "ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว"  มากเหลือเกินที่คนได้ยิน น้อยเหลือเกินที่คนรู้จัก

                 ๖๑. เหตุการณ์ความเป็นไปของทางโลกไม่มีสิ้นสุด เราไม่สามารถจะติดตามได้ตลอดกาล เพราะอายุยังมีที่สิ้นสุด

                            เราจะบ้ากับมันหรือไม่บ้า มันก็เป็นไปอยู่อย่างนั้น 

                 ๖๒. เพื่อมิให้เสียเวลา จงกลับมามองดูจิตใจของตนเอง ทำไมถึงซอกแซกสัดส่ายถึงขนาดนั้น

                 ๖๓. มันเคยตัว เพราะเราให้โอกาสมันมากเกินไป เพราะเรารักมัน จึงไม่กล้าขัดใจ

                            นานๆไปอาจกลายเป็นโรควิกลจริตทางด้านจิตใจ

                 ๖๔. การเอาชนะใจตนเอง ไม่ให้ไหลสู่อำนาจฝ่ายต่ำ เป็นสิ่งประเสริฐแท้

                 ๖๕. วันนี้ ... เราตามใจตนเองด้วยอำนาจของความอยาก  วันพรุ่งนี้ ... เราต้องหมดโอกาสที่จะสบายใจ

                 ๖๖. วันนี้ ... เราไม่ตามใจตนเอง  วันพรุ่งนี้ ... เราจะอยู่อย่างสบาย

                 ๖๗. ยิ่งแก่ ยิ่งงก เพราะเขางกมาตั้งแต่ยังไม่แก่

                       ยิ่งแก่ ยิ่งดี เพราะเขาดีตั้งแต่ยังไม่แก่ 

                 ๖๘. การวิ่งไปตามความอยาก คือการฆ่าตนเองด้วยความพอใจ 

                 ๖๙. ศัตรู มักมาในรูปรอยแห่งความเป็นมิตร   ความทุกข์ มักมาในรูปรอยแห่งความสุข

                 ๗๐. น้ำหวานผสมยาพิษ คนโง่จะชอบดื่มเพราะไม่รู้

                        ยาเสพติดทำลายร่างกายตนเอง คนโง่ก็พากันเสพทั้งที่รู้

                 ๗๑. ความสบายกายและสบายจิต จะหาซื้อด้วยเงินแสนเงินล้านไม่มีเลย ไม่จำเป็นจะต้องซื้อด้วยเงินและทอง

                 ๗๒. คนที่มีศรัทธา มีคุณค่ายิ่งกว่าเงินแสนเงินล้าน

                 ๗๓. เมื่อมีศรัทธา ควรมีปัญญาประกอบด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นคนงมงาย ขาดเหตุผล

                 ๗๔. คนนิยมสร้างพุทธะที่เป็นรูป คือพุทธรูป แต่ไม่นิยมสร้างพุทธะที่เป็นนาม คือสภาวธรรมที่รู้แจ้ง รู้จริง

                              ทำให้ไม่รู้จักพุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน)  

                 ๗๕. ความจริงต้องมีให้พิสูจน์ จึงจะถือว่าจริงแน่นอน

                             คนโง่จะเชื่อตั้งแต่เริ่มต้น จึงไม่พบกับความจริงในชีวิต มีแต่ความงมงายในชีวิต

                 ๗๖. คนใดถือสิ่งไม่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ ถือสิ่งที่เป็นสาระ ว่าไม่เป็นสาระ

                             คนนั้นมีทางดำเนินในทางที่ผิด เขาจะไม่พบแก่นสารชีวิตที่แท้จริงเลย

                 ๗๗. ผู้ที่หลงเปลือกนอก ย่อมไม่เห็นแก่นใน  ผู้ถึงแก่นใน ย่อมเข้าใจเปลือกนอก 

                 ๗๘. ความสนุกสนานมัวเมาประมาทในชีวิต ไม่ใช่หนทางดำเนินชีวิตที่แท้จริง มันเป็นหนทางที่ทำให้เสียเวลา

                 ๘๐. หากจิตใจเต็มด้วยความโลภ โกรธ หลง ช่องว่าในหัวใจก็ไม่มี มีแต่ความอึดอัด

                 ๘๑. อาหารที่กินเข้าไปมาก แสนจะอึดอัด แต่ก็ยังมีทางระบายออก

                 ๘๒. ยิ่งความโลภ โกรธ หลง ลดลงมากเท่าไร ความปลอดโปร่ง ก็ยิ่งมีขึ้นมากเท่านั้น

                 ๘๓. แสงสว่างในทางธรรม จุดประกายชีวิตให้พบแต่ความสดใส

                 ๘๔. ความสุขทางโลก เหมือนกับการเกาขอบปากแผลที่คัน ยิ่งเกายิ่งมัน

                            เวลาหยุดเกามันแสบมันคัน เพราะเป็นความสุขที่เกิดจากความเร่าร้อน

                 ๘๕. เมื่อตอนที่อยากได้ก็เป็นทุกข์ ขณะที่แสวงหาก็เป็นทุกข์ ได้มาแล้วกลัวฉิบหายไป ก็เป็นทุกข์

                 ๘๖. เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ก็ต้องมี เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ย่อมไม่มี 

                 ๘๗. หากมีแล้ว ทำให้มีความสุข ควรมี ถ้าหากมีแล้ว ทำให้มีความทุกข์ ไม่รู้จะมีไว้ทำไม ?

                 ๘๘. ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เที่ยง เราไปยึดมั่นความไม่เที่ยงนั้นว่าเป็นความสุข

                 ๘๙. แม้ความสุขนั้นมันก็ไม่เที่ยง จะไปหวังเอาอะไรอีกเล่า ?

                 ๙๐. พบกันก็เพื่อจากกัน ได้มาก็เพื่อจากไป

                 ๙๑. มองทุกข์ให้เห็นทุกข์ จึงจะมีความสุข

                 ๙๒. ความเบาใจ คลายกังวล ย่อมมีได้แก่บุคคลผู้เข้าใจธรรมะ

                 ๙๓. ยิ่งเข้าถึงธรรมที่เป็นจริงมากเท่าใด ความเบาสบายใจยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

                 ๙๔. เพราะความสุขทางโลก ไม่ให้อะไรมากไปกว่า ความเพลิดเพลิน มัวเมา ประมาทในชีวิต จนลืมทางธรรม

                 ๙๕. ทางเดิน ๒ ทาง ทางโลกและทางธรรม

                           ทางโลก คือการปล่อยใจไปตามความอยากในโลกีย์  ทางธรรม คือการควบคุมใจตนเอง ให้มีธรรมเป็นเครื่องคุ้มครอง 

                 ๙๖. อย่าหยิ่ง หากจะกล่าวว่า "ขอโทษ"  อย่าอาย หากจะบอกว่า "ไม่รู้"

                 ๙๗. ผิดหวังทางโลก ยังมีทางธรรมคุ้มครอง หากคนนั้นรู้จักธรรม

                 ๙๘. ผิดหวังทางโลก อยากทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งตนเอง  คนนั้นแหละ ไม่รู้จักธรรม

                 ๙๙. ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ควรยึดมั่นถือมั่น  เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง

                 

                                                    รวบรวมโดย ... พระมหาทองมั่น สุทฺธจิตฺโต

                                                                                  

Tags : ๙๙ คติธรรมนำสุข

view